ระบบอาณัติสัญญาณ

ภาพรวมโครงการ
ระบบโครงการรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว - สำโรง เป็นเส้นทางรถไฟฟ้าที่เชื่อมต่อกรุงเทพฝั่งเหนือและรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่สถานีลาดพร้าว กับกรุงเทพฝั่งใต้และรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่สถานีสำโรง  รวมระยะทางประมาณ 30.4 กม.
ซึ่งประกอบไปด้วยสถานียกระดับ 23 สถานี  ศูนย์ซ่อมบำรุงและโรงจอด 1 แห่ง  และอาคารจอดแล้วจร 1 อาคาร  โดยศูนย์ซ่อมบำรุงและโรงจอดจะมีช่องทางสำหรับซ่อมบำรุง 7 ช่องทาง ช่องทางล้างรถอัตโนมัติ 1 ช่องทาง และทางวิ่งทดสอบ 1 ทางวิ่ง  มีห้องศูนย์ควบคุมการเดินรถไฟฟ้า (CCR) 1 ห้องในอาคารศูนย์บริหารและควบคุมการเดินรถไฟฟ้า (OCC)  และห้องศูนย์ควบคุมการเดินรถไฟฟ้าสำรอง (BCCR) หนึ่งห้องในอาคารศูนย์ซ่อมบำรุง
ลักษณะโครงการ
  • ระยะทางเส้นทางหลักประมาณ 30.4 กม.  (ในระยะแรก)
  • สถานียกระดับ 23 สถานี  (ในระยะแรก)
  • จำนวนรถไฟฟ้า 30 ขบวน ขบวนละ 4 ตู้โดยสาร (ในระยะแรก)
  • ห้องศูนย์ควบคุมการเดินรถไฟฟ้าหลัก 1 ห้อง
  • ห้องศูนย์ควบคุมการเดินรถไฟฟ้าสำรอง 1 ห้อง
  • ระบบควบคุมเฉพาะพื้นที่ 3 ชุด (2 ชุดสำหรับพื้นที่เส้นทางหลักและ 1 ชุดสำหรับพื้นที่ศูนย์ซ่อมบำรุงและโรงจอด)
  • ศูนย์ซ่อมบำรุงและโรงจอด 1 อาคาร
  • ทางวิ่งทดสอบ  1 ทางวิ่ง
  • ห้องฝึกอบรม 1 ห้อง
คุณลักษณะการให้บริการ
  • ในระยะแรก ระบบจะให้บริการด้วยขบวนรถไฟฟ้า 4 ตู้โดยสาร  โดยจะสามารถเพิ่มตู้โดยสารขึ้นเป็น 6 ตู้ และ 7 ตู้  เพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
  • ความยาวของสถานีและชานชาลาสามารถรองรับขบวนรถได้ยาว 7 ตู้โดยสาร
  • ความเร็วในการให้บริการสูงสุดคือ 80 กม./ชม.
  • ระยะห่างระหว่างขบวนที่ปลอดภัยสำหรับการให้บริการคือ 120 วินาที (และสั้นที่สุดตามการออกแบบที่ 90 วินาที) 
  • ความเร็วเฉลี่ยของการเดินทาง 35 กม./ชม
  • โหมดการให้บริการปกติคือการขับเคลื่อนโดยอัตโนมัติโดยไร้พนักงานควบคุมรถไฟฟ้า (UTO) 
  • ในกรณีที่จำเป็นต้องขับเคลื่อนรถไฟด้วยพนักงานควบคุมรถไฟฟ้า สามารถใช้โหมด MATP  ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยระบบป้องกันการชนกันอัตโนมัติ
  • โหมดแมนนวล (NRM) มีไว้เพื่อใช้ในการกู้คืนการให้บริการเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติ 
คุณสมบัติทางเทคนิค
  • โครงการรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีเหลืองใช้ระบบอาณัติสัญญาน CityfloTM 650 ของ บริษัท Alstom  รุ่น CityfloTM 650   ซึ่งเป็นระบบอาณัติสัญญานที่ใช้เทคโนโลยี Moving Block และการรับส่งข้อมูลควบคุมการวิ่งรถไฟฟ้าผ่านการสื่อสารแบบไร้สาย Communication Based Train Control (CBTC) ซึ่งแตกต่างจากและมีประสิทธิภาพกว่าระบบ Fixed Block แบบดั้งเดิม  โดยที่ตำแหน่งของรถไฟฟ้าจะเคลื่อนที่ตามการเคลื่อนที่จริงของรถไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง  โดยข้อมูลการควบคุมรถไฟฟ้าจะถูกส่งไป-กลับระหว่างคอมพิวเตอร์บนรถไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ข้างทางผ่านระบบวิทยุไร้สาย  โดยที่การแสดงตำแหน่งของขบวนรถไฟฟ้านี้จะถูกคำนวนโดยคอมพิวเตอร์บนรถไฟฟ้าและส่งกลับไปยังระบบควบคุมจากศูนย์กลาง โดยจะคำนวนจากประสิทธภาพการเบรกของรถไฟฟ้าในกรณีที่เลวร้ายที่สุด
  • ระบบย่อยของระบบอาณัติสัญญานของโครงการโมโนเรลสายสีเหลืองประกอบด้วยระบบ Automatic Train Supervision (ATS), Automatic Train Protection (ATP), Automatic Train Operation (ATO), Object Controller (OCS) และ Data Communication (DCS).
ระบบอาณัติสัญญาณรุ่น CityfloTM 650 - คุณสมบัติและข้อดี
  • ด้วยระบบควบคุมรถไฟฟ้าแบบ CBTC Moving Block  จึงสามารถรับประกันได้ว่าจะช่วยเพิ่มความปลอดภัย ร่นระยะห่างระหว่างขบวน และเพิ่มประสิทธิภาพของการให้บริการ
  • รองรับระดับการทำงานอัตโนมัติอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งหมายถึงระดับการทำงานอัตโนมัติระดับ 4 (GoA 4) หรือ (Unattended Train Operation) ซึ่งเป็นโหมดการทำงานของรถไฟฟ้าอัตโนมัติระดับสูงสุด ตามมาตรฐาน IEC 62290-1 
  • ใช้การเทคโนโลยีควบคุมและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ขั้นสูง เครือข่ายการสื่อสารข้อมูลที่มีระบบสำรอง  และเทคโนโลยีการสื่อสารที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน
  • การรับส่งข้อมูลควบคุมการวิ่งรถไฟฟ้าผ่านการสื่อสารแบบไร้สาย เป็นไปตามมาตรฐาน IEEE 802.11,  โดยใช้ความถี่ 5.8 GHz รวมทั้งเสาอากาศแบบ LoS  ทำให้มั่นใจได้ว่าการรับส่งข้อมูลระหว่างรถไฟฟ้าอุปกรณ์สื่อสารข้างทางมีความต่อเนื่อง เสถียร และเชื่อถือได้  และยังช่วยป้องกันข้อผิดพลาดและการรบกวนทางสัญญานวิทยุได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
  • ระบบย่อยต่างๆ ในระบบอาณัติสัญญานได้รับการออกแบบให้มีความปลอดภัยที่ระดับสูงสุด  โดยเป็นไปตามมาตรฐานข้อกำหนดระดับความปลอดภัย (Safety Integrity Level - SIL)  โดยเฉพาะระบบ ATP และระบบ Interlocking ซึ่งได้รับมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 4 (SIL4)
  • ระบบย่อยที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยเป็นหลักเช่น ระบบ ATP และ Interlocking ใช้สถาปัตยกรรมแบบ 2x2-out-of-2 ซึ่งเป็นการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ 2 ชุดในการประมวลผลพร้อมๆ กัน และมีการเปรียบเทียบผลลัพท์ให้ตรงกัน  ในขณะที่ระบบย่อย ATS และ ATO ใช้โครงสร้างแบบ hot-standby โดยมีเครื่องคอมพิวเตอร์ 1 ชุดเป็นหลักในการประมาลผล และเครื่องคอมพิวเตอร์ 1 ชุดอยู่ในสถานะเตรียมพร้อมเข้าทำงานแทนในกรณีที่เครื่องหลักเกิดข้อขัดข้อง  เพื่อเพิ่มเสถียรภาพของระบบ
  • สถานีต่างๆ ได้ถูกจัดกลุ่มให้อยู่ภายใต้เขตการควบคุม (Region) ของแต่ละเขตช่วยลดระยะห่างระหว่างคอมพิวเตอร์ที่ใช้ควบคุมอุปกรณ์ และอุปกรณ์ข้างทาง ลดเวลาการซ่อมแซม ตลอดจนต้นทุนของการบำรุงรักษาอุปกรณ์ 
  • มีรูปแบบการขับเคลื่อนรถไฟฟ้าที่หลากหลาย สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบขับเคลื่อนได้ตามความต้องการ ตั้งแต่การขับเคลื่อนอัตโนมัติแบบไร้คนขับ ไปจนถึงแบบใช้คนขับ
  • ควบคุมอัตราการเร่งและการลดความเร็วของรถไฟฟ้าให้สอดคล้องกับรูปแบบการเดินรถที่กำหนดไว้ ช่วยประหยัดพลังงานและเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้โดยสาร 
  • ควบคุมการจอดของรถไฟฟ้าที่สถานีให้ตรงกับช่องประตูกั้นชานชาลาได้อย่างแม่นยำ
  • ระบบย่อยการรับส่งข้อมูล Data Transmission System  พร้อมระบบสำรองแบบ Hot-Standby และฟังก์ชันการกู้คืนอัตโนมัติที่ช่วยป้องกันความผลกระทบต่อระบบจากความผิดพลาด
โครงสร้างของระบบอาณัตสัญญาน
โครงสร้างของระบบโดยรวม
เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของระบบที่มีความหนาแน่นสูงและต้องสามารถให้บริการได้อย่างต่อเนื่องสำหรับโครงการรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีเหลือง ระบบอาณัติสัญญาณที่นำมาใช้ในโครงการนี้จึงเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพสูง รวมทั้งมีความสามารถในการพร้อมใช้งาน (Availability)  ความน่าเชื่อถือ (Reliability) ความปลอดภัยและการบำรุงรักษาในระดับสูงอีกด้วย   โดยเขตการควบคุมระบบอาณัติสัญญาณของรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีเหลือง แบ่งออกเป็น 3 เขต ได้แก่ 2 เขตสำหรับพื้นที่บนเส้นทางหลัก  และ 1 เขตสำหรับพื้นที่ใน Depot
1
โดยที่ทางโครงการได้ติดตั้งระบบควบคุมเฉพาะพื้นที่ในแต่ละสถานีเขตการควบคุมทั้ง 3 เขต ซึ่งสามารถทำหน้าที่เป็นระบบควบคุมสำรองระดับที่ 2 ในกรณีที่ ทั้งห้องศูนย์ควบคุมการเดินรถไฟฟ้าหลัก และห้องศูนย์ควบคุมการเดินรถไฟฟ้าสำรองไม่สามารถใช้งานได้
สถาปัตยกรรมของระบบ
The Skytrains